WSJ รายงานข้อมูลจากแหล่งข่าววงในว่า Apple สั่งลดยอดการสั่งซื้อจอ iPhone 5 จากโรงงานผลิตในช่วงไตรมาสแรกคือ เดือนมกราคมถึงมีนาคมลง 50% จากยอดที่ทางบริษัทได้เคยคาดไว้ นอกจากนี้ยอดการสั่งซื้อชิ้นส่วนอื่นๆ ที่ใช้ในการผลิต iPhone 5 ก็ลดลงด้วย อย่างไรก็ตาม Apple ยังคงปิดปากเงียบ เมื่อแหล่งข่าวถามถึงกรณีดังกล่าว การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า iPhone รุ่นใหม่ไม่สามารถสร้างปรากฎการณ์ในด้านยอดขายที่แข็งแรงได้เท่ากับที่คาดไว้แต่แรก นั่นหมายถึง ความต้องการของตลาดที่ลดลงนั่นเอง ซึ่งมีสาเหตุมาจากคู่แข่งที่กำลังแข็งแรงขึ้นอย่างต่อเนื่่องอย่าง Samsung ที่สามารถผลิตสมาร์ทโฟนที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android ที่มีระดับราคาต่างๆ ที่สอดรับกับกำลังซื้อของผู้บริโภคทั่วโลก โดยเฉพาะมือถือในซีรียส์ Galaxy S ที่มียอดขายรวมทั้งหมดทะลุ 100 ล้านเครื่องไปแล้ว ซึ่งจากยอดรวมนี้ Galaxy S3 ครองส่วนแบ่งยอดขายไป 40 ล้านเครื่องภายใน 7 เดือน ทำให้ Samsung สามารถเบียดบังลังก์ของ Apple ได้ในที่สุด
สำหรับยอดรวมในตลาดโลก มือถือ Android จะครองส่วนแบ่ง 75% ในขณะที่ iPhone มีส่วนแบ่งตลาด 15% ทางด้าน Google ยังเปิดเผยยอดตัวเลของการกระตุ้นมือถือ Android ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาว่า ทั่วโลกมีมากกว่า 500 ล้านเครื่องแล้ว เทียบกับ Apple ทีมียอดขาย iPhone รวม 271 ล้านเครื่อง ผลจากการที่ลูกค้าเริ่มลดความนิยมในตัวผลิตภัณฑ์ของ Apple ทำให้ทางเลือกของบริษัทมีสองทางก็คือ การสร้างนวตกรรมที่แท้จริงให้กับ iPhone อีกครั้ง หรือไม่ก็ขยายตลาดด้วยการผลิต iPhone ราคาถูก เพื่อเปิดตลาดใหม่ ซึ่งยังมีช่องว่างของการเติบโตให้มีอีกมาก อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้ Apple ได้ออกมาปฏิเสธไปแล้ว ดังนั้น คงต้องติดตามกันต่อไปว่า Apple จะมีนวตกรรมอะไรใน iPhone 6 ที่จะทำให้สมาร์ทโฟนเรือธงของบริษัทสามารถกลับมาผงาดในตลาดได้อีกครั้ง
แสดงบนเว็บไซด์ : http://www.it4x.com
ที่อยู่ของข้อความต้นฉบับ: http://www.arip.co.th/news.php?id=416129
บันทึกการเข้า
