Varity Zone > ห้องนั่งเล่น เฮฮา ไร้สาระ คุยกันเรื่อยเปื่อย

ข่าวด่วนประจำวัน

<< < (2/38) > >>

limited_:
เน็ตมือถือแรง แซงเอสเอ็มเอส เอไอเอสตั้งเป้าโต25%

เอไอเอสตั้งเป้านอนวอยซ์ปี 53 โต 25 % จากตลาดรวม 3 หมื่นล้านบาท เชื่อปีนี้บริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมาแรงแซงเอสเอ็มเอส คอลลิ่งเมโลดี้ ล่าสุดออกแพคเกจเจาะตลาดผู้ใช้สมาร์ทโฟน...

นายปรัธนา ลีลพนัง ผู้อำนวยการสำนักการตลาดบริการเสริม บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่า ในปี 2553 บริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มรายได้บริการเสริม (นอนวอยซ์) 25% จากรายได้ 13,000 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจาก ตลาดดังกล่าวมีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่า ตลาดรวมจะมีมูลค่าถึง 30,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตกว่า 30-40% จากเดิม 26,000 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทฯ มีรายได้จาก SMS และบริการเสียงรอสาย (Calling Melody) เป็นหลัก นอกจากนี้ รายได้จากบริการ GPRS และ EDGE มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและมากกว่าบริการอื่นๆ ในกลุ่มนอนวอยซ์ จากภาวะเศรษฐกิจที่กระเตื่องขึ้น ปัจจุบัน ตลาดดังกล่าวมีมูลค่ารวม 9,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนรายได้ของบริษัทฯ ประมาณ 35%

ขณะเดียวกัน ปัจจัยด้านราคาสมาร์ทโฟนที่ถูกลงก็ส่งผลให้รายได้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต สูงขึ้น จากเดิมที่มีราคาเฉลี่ย 1.5 -1.6 หมื่นบาท เหลือเพียง 1.2 หมื่นบาท อาจส่งผลให้ยอดผู้ใช้สมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 ล้านเครื่อง แบ่งเป็นเครื่องใหม่ 3 แสนเครื่อง และเครื่องมือสอง 1 แสนเครื่อง จากปีที่ผ่านมา 1.2 ล้านเครื่อง รวมทั้งความเร็วในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้น และการออกแพคเกจราคาถูก ก็ทำให้ผู้บริโภคมีการใช้งานด้าน Data (ข้อมูล) สูงขึ้น ล่าสุด บริษัทฯ ได้ออกแพคเกจสำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟนโดยเฉพาะ และจัดทำเอไอเอส แอพ สโตร์ รวมแอพพลิเคชันกว่า 10,000 แอพ ให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟนได้ดาวน์โหลดและแบ่งปันแอพพลิเคชันฟรี 6,000-7,000 แอพ

ส่วน กรณี บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ไอโฟนนั้น นายปรัธนา กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องดีที่จะช่วยกระตุ้นตลาดสมาร์ทโฟนให้คึกคัก ส่วนตัวมองว่าการทำการตลาดจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับแพคเกจบริการของโอเปอเรเตอร์ด้วย  ในส่วนเอไอเอสยังอยู่ระหว่างการเจรจา โดยตามบันทึกข้อตกลงทำให้ไม่สามารถเปิดเผยเรื่องดังกล่าวได้ ส่วนการสำรวจตลาดสมาร์ทโฟนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของบริษัท Ovum ระบุว่า ตลาดสมาร์ทโฟนมีการเติบโตเร็วมาก โดยปี 2551 มีจำนวนสมาร์ทโฟน 60 ล้านเครื่อง ปี 2552 อาจมีจำนวนสมาร์ทโฟน 80 ล้านเครื่อง และคาดว่าในปี 2553 อาจมีการใช้งานสมาร์ทโฟนกว่า 90 ล้านเครื่อง.

limited_:
ราคาน้ำมันวันนี้

เบนซิน 91         36.34 ต่อลิตร

แก๊สโซฮอล์ 95    32.74 ต่อลิตร

แก๊สโซฮอล์ 91    31.24 ต่อลิตร

เบนซิน อี20       30.44 ต่อลิตร

ดีเซลหมุนเร็ว       27.59 ต่อลิตร

ดีเซล บี5          26.39 ต่อลิตร

เอ็นจีวี              8.50 ต่อลิตร

limited_:
ราคาทองคำวันนี้

ราคาซื้อทองคำแท่ง             ซื้อบาทละ    17,100
ราคาขายทองคำแท่ง            ขายบาทละ    17,200
ราคาซื้อทองคำรูปพรรณ    ซื้อบาทละ    16,857.92
ราคาขายทองคำรูปพรรณ    ขายบาทละ    17,600

limited_:
2เด็ก ตรังเก่งคว้าแชมป์จรวดขวดน้ำระดับประเทศ
   
16 กพ. 2553

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 23-24 มกราคม 2553 ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเป็นครั้งแรก สำหรับงานจรวดขวดน้ำเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ 16 (APRSAF-16 Water Rocket Event) ณ สนามองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) จังหวัดปทุมธานี โดยมีเยาวชนอายุตั้งแต่ 12-16 ปี เข้าร่วมกว่า 50 คน จาก 15 ประเทศ อาทิ บังคลาเทศ กัมพูชา โคลัมเบีย อินเดีย มาเลเซีย ญี่ปุ่น และไทย ผลปรากฎว่า ผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ และรองชนะเลิศ อันดับ 2 เป็นเด็กไทย ที่สำคัญก็คือ ล้วนแล้วแต่เป็นเด็กตรัง ระดับชั้นมัธยมศึกษา จากโรงเรียนจุ๋งฮัวโซะเซียว อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ได้แก่ นายศฤงคาร ทองแท้ หรือ น้องแบงค์ อายุ 16 ปี และนายสุทธิพงษ์ รุ่งรักษ์ หรือ น้องเอ็กซ์ อายุ 16 ปี
    สำหรับวัสดุที่นำมาประดิษฐ์เป็นจรวดขวดน้ำนั้น ล้วนได้มาจากโครงการธนาคารขยะ ซึ่งทางโรงเรียนรับซื้อมาจากนักเรียนต่างๆ โดยเป็นวัสดุเหลือใช้ที่หลายคนอาจมองว่าไร้ค่า แต่เด็กๆ กลับสามารถนำมาสร้างสรรค์ให้เป็นรูปร่างที่สวยงาม โดยเฉพาะขวดน้ำอัดลมขนาด 1 ลิตร ซึ่งมีคุณสมบัติดีตรงที่ทนแรงดันได้สูงมากกว่าขวดชนิดอื่นๆ ส่วนวัสดุที่เหลือก็จะเป็นเศษเหล็ก หรือเศษท่อน้ำ จึงสามารถช่วยประหยัดต้นทุนได้อย่างมาก

limited_:
ธุรกิจไอทีเอเชียจะโตขึ้นอีกปีนี้
ไอทีปีนี้ ค.ศ. 2010 เริ่มศักราชใหม่  สำนักวิจัยการ์ดเนอร์ได้ทำการวิจัยและพยากรณ์ว่าธุรกิจไอทีทั่วโลกโตที่ 3% แต่ทางประเทศเอเชียจะเติบโตถึง 8.8% ซึ่งก็จะฉุดเศรษฐกิจโลกไอทีให้ดีขึ้น
   
สำนักวิจัยสปริงบอร์ดได้วิจัยและ วิเคราะห์ธุรกิจไอทีเอเชียไว้ว่าจะโตจากปีที่ แล้วซึ่งอยู่ 6.4% ในปี ค.ศ. 2009 มาเป็น 8.8% ในปี ค.ศ. 2010 และคาดการณ์ว่ากลุ่มเอเชียจะสามารถฉุดและพลิกฟื้นเศรษฐกิจได้รวดเร็วกว่าโลก ตะวันตก
   
ตลาดของกลุ่มเอเชียได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจถดถอยไม่มากนักเพราะความ เจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องจากประเทศจีนและอินเดีย รวมทั้งประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคนี้ และสามารถคาดการณ์ได้ว่าธุรกิจไอทีปีนี้จะดีกว่าปีที่แล้วแน่นอน แม้ว่าอาจจะมีความลังเลในธุรกิจไอทีบางราย
   
จากรายงานของสำนักวิจัยสปริงบอร์ดได้วิเคราะห์ว่าธุรกิจไอทีของเอเชียและ แปซิฟิกในปีหน้ามี 10 เรื่อง ดังนี้
   
หนึ่ง จะมีธุรกิจประเภทซอฟต์แวร์ ธุรกิจประเภทอัจฉริยะมากขึ้น เพื่อสามารถช่วยเสริมคุณค่าให้กับธุรกิจต่าง ๆ ได้ทำงานอย่างสะดวกรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้นหรือประเภทที่เรียกว่า คำตอบอัจฉริยะ หรือ Intelligent Solutions
   
สอง การใช้วิธีคำนวณด้วยการรวม แพลทฟอร์มเข้าด้วยกันจะเติบโตอย่างรวดเร็วและจะทำให้งานบริการทางธุรกิจได้ มากและรวดเร็วขึ้น
    สาม ธุรกิจโลกเหมือน (Virtualization) สำหรับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเล่นที่บ้านก็จะมีบทบาทมากขึ้น
   
สี่ การคำนวณแบบรวมกลุ่มคอม พิวเตอร์หรือประเภทที่เรียกว่า Cloud Computing จะเพิ่มโมเมนตัมมากขึ้น
   
ห้า อุปกรณ์เคลื่อนที่และมือถือ รวมทั้งการประยุกต์ประเภทแอพพลิเคชั่นจะเป็นตลาดใหม่ของโลก
   
หก ความร่วมมือในองค์กรต่าง ๆ ทางไอที ของภาคเอกชนจะมีมากขึ้นและ  มีการริเริ่มอะไรใหม่ ๆ จำนวนมากในยุคเศรษฐกิจวิกฤติ “แฮมเบอร์เกอร์”
   
เจ็ด จะมีวิธีจ่ายเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ ๆ แปลก ๆ เกิดขึ้นมากและจะทำให้การชำระเงินสะดวกสบายมากขึ้น
   
แปด กลุ่มนักพัฒนาโปรแกรมและเนื้อหาออนไลน์จะมีการประยุกต์อะไรใหม่ ๆ ซึ่งเป็นศูนย์รวมแห่งนวัตกรรมโลกยุคใหม่พร้อมกันกับการเปิดเวทีเพื่อศึกษาผล กระทบต่อโลกสังคมยุคใหม่
   
เก้า บริการเครือข่ายสังคม เช่น มายสเปซ เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ จะมีคนเข้ามาใช้งานมากและในขณะเดียวกันก็จะสามารถนำไปประยุกต์ในเชิงพาณิชย์ ได้มาก
   
สิบ จินตนาการทางด้านไอทีจะทำให้ผู้บริหารสูงสุดทางไอทีหรือซีไอโอจะต้องปรับ เปลี่ยน ถ้าอยู่ได้ก็จะเก่งมาก หรือไม่ก็หลุดจากเวทีไปเลย
   
ท่านผู้อ่านพิจารณาแล้วเป็นเช่นไรครับ ไอทีปีนี้ ก็คอยปรับตัวกันไปด้วยนะครับ เราควรนำกระแสครับไม่ใช่ตามกระแส ศึกษาและอ่านเยอะ ๆ ทำงานไปด้วยศึกษาไปด้วยครับ.

รอง ศาสตราจารย์
ดร.บุญมาก ศิริเนาวกุล
มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด
[email protected]

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version