Costolo กล่าวว่า จำนวนผู้ใช้ที่แอคทีฟของ Twitter เพิ่มขึ้น 82% นับตั้งแต่ต้นปี 2011 ซึ่งการเพิ่มยอดผู้ใช้เป็นกุญแจสำคัญสำหรับอนาคตของ Twitter เนื่องจากตอนนี้ทางบริษัทได้ใช้ตัวเลขดังกล่าวในการโน้มน้าวผู้ลงโฆษณา เพื่อจะทำให้ Twitter มีรายได้ และสามารถดำเนินกิจการไปต่อได้ นอกจากนี้ Costolo ยังได้เปิดเยข้อมูลใหม่เกี่ยวกับ Twitter อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ผู้ลงทะเบียนใช้งานทั่วโลกที่มีมากกว่า 200 ล้านรายแล้ว แต่ผู้สังเกตการณ์ Twitter มีคำถามว่า แล้วหนึ่งคนมีบัญชีผู้ใช้ Twitter กี่บัญชี และบัญชีผู้ใช้ที่แอคทีฟมีมากน้อยเท่าไร?
เมื่อเป็นเช่นนี้ Twitter จึงโฟกัสไปที่ผู้ใช้งานตัวจริง หรือแอคทีฟ ไม่ใช่แค่ฐานตัวเลขผู้ใช้ที่ดูอู้ฟู่เท่านั้น ทั้งนี้ Facebook ก็ใช้กลยุทธ์เดียวกัน โดยตัวเลข 750 ล้านรายหมายถึงผู้ใช้ที่ล็อกอินเข้าใช้งานระบบอย่างน้อยเดือนละครั้ง แอคทีฟยูสเซอร์มีความหมายที่วัดได้มากกว่าตัวเลขมากมาย นักวิเคราะห์กล่าวว่า บัญชีผู้ใช้ Twitter เป็นจำนวนมากถูกใช้สำหรับการแพร่กระจายข่าวสารขององค์กร โดยใช้ Twitter เป็นช่องทาง นอกจากนี้ สื่ออย่าง CNN และ Chronicle ยังมีบัญชีผู้ใช้ Twitter หลายอันในการแพร่กระจายหัวข้อข่าวของทางสถานีอีกด้วย
"ในขณะที่มันฟังดูดีว่า ผู้ใช้ที่แอคทีฟครึ่งหนึ่งล็อกอินทุกวัน แต่มันก็อดน่าสงสัยไม่ได้ว่า ส่วนใหญ่เป็นพวกที่เข้ามาปั๊มป์ข้อมูล หรือผู้ที่เข้ามาใช้บริการนี้ เพื่อสื่อสารกันจริงๆ จังๆ" นักวิเคราะห์กล่าว อย่างไรก็ตาม ข้อมูลสถิติจาก Twitter ที่น่าสนใจมีดังนี้
แม้สถิติที่ออกมาจะฟังดูดีบ้าง ไม่ดีบ้าง แต่ตัวเลขโดยรวม มันมากพอที่จะทำให้ผู้ลงโฆษณาสนใจได้ มันอาจจะเทียบไม่ได้กับ Facebook แต่ Twitter กำลังพิสูจน์ตัวเองว่า มันสามารถเชื่อมโยงผู้ใช้กับโฆษณาได้ ก่อนหน้านี้ Twitter ล้มเหลวในเรื่องของการให้ไลเซนส์ในการเข้าถึงสตรีมของทวีต โดย MS ยังคงต่อสัญญาในการเข้าถึงข้อมูล เพื่อให้ Bing เสิร์ชได้ แต่ Google ไม่เอาด้วยแล้ว ซึ่งความหวังของ Twitter จึงอยู่ที่การทำให้แพลตฟอร์มโฆษณาอย่าง Promoted Tweets แข็งแรง ตลอดจนโปรแกรมการขายอื่นๆ ที่ต้องเพิ่มขึ้นมา ซึ่งรวมถึงระบบโฆษณาที่สามารถบริหารจัดการเองได้ (ระบบหลังบ้านแบบ adwords, adsense ของ Google) ทั้งนี้ eMarketer คาดว่า Twitter จะสามารถมีรายได้จากโฆษณาในปีนี้ 150 ล้านเหรียญฯ และในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 250 ล้านเหรียญฯ อ่านจบแล้ว อย่าลืมติดตามข่าวสารผ่านช่องทางทวิตเตอร์ของเว็บไซต์ arip ได้ที่ @ariptoday ด้วยนะครับ :D
เว็บไซต์ในข่าว: Twitter